เมนู

ดูก่อนอานนท์ เมื่อเธอถูกถามว่า ผัสสะมีสิ่งนี้เป็นปัจจัยหรือ เธอพึง
ตอบว่า มี ถ้าถามว่า ผัสสะมีอะไรเป็นปัจจัย เธอพึงตอบว่า
มีนามรูปเป็นปัจจัย
ดังนี้* เพราะฉะนั้น เพื่อทรงแสดงความต่างกันแห่ง
ปัจจัยนี้ และเพื่อทรงกำหนดเทศนาในมหานิทานสูตรนี้ จึงตรัสว่า นามปจฺจยา
ผสฺโส
ไว้ในวาระที่ 2 มิได้ตรัสคำอะไร ๆ ไว้ในที่แห่งสฬายตนะ. นี้เป็น
ความต่างกันในทุติยวาระก่อน.

ว่าด้วยความต่างกันในวาระที่ 3

(บาลีข้อ 276)
ส่วนในวาระที่ 3 ตรัสองค์ที่ 9 อันมาในสุตตันตภาชนีย์ว่า วิญฺญาณ-
ปจฺจยา นามรูปํ
(นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย) ดังนี้. หากมีผู้
ถามว่า องค์ที่ 4 นั้น ไม่ควรในปัจจยจตุกะนี้ เพราะความที่ปัจจยาการเป็นไป
ในขณะจิตเดียว. พึงตอบว่า องค์ที่ 4 (นามรูป) นั้น ไม่ควรหามิได้ เพราะ
เหตุไร เพราะความเป็นปัจจัยในลักษณะของตน จริงอยู่ แม้ถ้าว่า ใน
นามรูปนั้น รูปจะตั้งอยู่เกินกว่าของจิต ถึงอย่างนั้น วิญญาณนั้นก็เป็น
ปัจจัยแก่รูปนั้นในลักษณะของตน ข้อนี้เป็นอย่างไร ? คือ เบื้องต้นวิญญาณ
เป็นปัจจัย โดยเป็นปัจจัยแก่รูปอันมีจิตเป็นสมุฏฐานซึ่งเกิดก่อนบ้าง แก่รูปที่
เกิดภายหลังบ้าง ข้อนี้ สมกับพระดำรัสที่ตรัสว่า ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา
ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย

(ธรรมคือจิตและเจตสิกที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน ด้วย
ปัจฉาชาตปัจจัย) ดังนี้. อนึ่ง วิญญาณยังเป็นปัจจัยแก่รูปที่เกิดพร้อมกันซึ่ง
มีจิตเป็นสมุฏฐาน ด้วยนิสสยปัจจัย เหมือนอย่างที่ตรัสว่า ธรรมทั้งหลาย
* ที. มหาวคฺค เล่ม 10 57/66

คือจิตและเจตสิก เป็นปัจจัยแก่รูปทั้งหลายที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ด้วยนิสสย-
ปัจจัย.
ถามว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุไร ในวาระแรก จึงไม่ตรัส
อย่างนี้เล่า
ตอบว่า เพราะทรงแสดงหมายถึงถิ่นที่รูปเป็นไป
จริงอยู่ ปัจจยาการนี้ พระองค์ทรงแสดงในกามภพอันเป็นถิ่นที่รูป
เป็นไปด้วยอำนาจแห่งสัตว์ผู้เกิดในครรภ์ แห่งโอปปาติกะผู้มีอายตนะไม่บริบูรณ์
และแห่งเทพในรูปาวจร ด้วยเหตุนั้นแหละ ในวาระที่ 3 นี้ จึงไม่ตรัสว่า
นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ (สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย) แต่
ตรัสว่า ฉฏฺฐยตนํ (อายตนะที่ 6) ดังนี้ ในนามรูปนั้น นาม มีนัยตาม
ที่กล่าวไว้ในหนหลังนั่นแหละ ส่วนรูปพึงทราบว่า หทยรูป หทยรูปนั้น เป็น
ปัจจัยแก่อายตนะที่ 6 นี้ 2 อย่าง คือ ด้วยนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย
แล.นี้เป็นวาระที่ต่างกันในวาระที่ 3.

ว่าด้วยความต่างกันในวาระที่ 4


ก็วาระที่ 4 ตรัสไว้ด้วยอำนาจพวกสัตว์ที่เป็นสังเสทชะและโอปปาติกะ
ด้วยอำนาจกำเนิด พวกสัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์ด้วยอำนาจอายตนะ พวกสัตว์ใน
กามาพจรด้วยสามารณแห่งภพ ด้วยเหตุนั้นแหละ ในวาระที่ 4 นี้ จึงตรัสว่า
นามรูปปจิจยา สฬายตนํ (สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย) ดังนี้ ใน
นามรูปนั้น นามเป็นปัจจัยแก่อายตนะที่ 6 ด้วยสหชาตปัจจัยเป็นต้น เป็นปัจจัย
แก่อายตนะมีจักขุป็นต้น ด้วยปัจฉาชาตปัจจัย บรรดารูป หทยรูปเป็นปัจจัยแก่